สุนทรเจดีย์ศรีเวียงหวาย
ประวัติบ้านเวียงหวาย
เวียงหวายเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีมานานหลายร้อยปี โดยมีการเล่าขานกันว่านางคำเอ้ย ซึ่งเป็น ธิดาของพระเจ้าฝาง ได้สร้างเวียงหวายและเวียงนาง(ปัจจุบันคือดอยเวียงนาง) จากนั้นก็ปล่อยให้ร้างไป จนคนไทใหญ่กลุ่มหนึ่งได้อพยพเข้ามาจากพม่าเมื่อประมาณร้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยบางส่วนเข้ามาทางบ้านเปียง กอก บ้านโป่งน้ำร้อน บ้านต้นผึ้ง และไทใหญ่กลุ่มนี้บางส่วนได้กระจายกันมาอยู่ในตัว เมืองฝาง บางส่วนได้ตั้งรกรากอยู่ที่บ้านป่าฮิ้น บ้านม่อนปิ่น ในอดีตหมู่บ้านเวียงหวายเป็นเสมือนพื้นที่อิสระไม่ได้ปกครองโดยอำเภอฝาง แต่ขึ้นตรงกับ กงสุลอังกฤษที่อยู่ตัวเมืองเชียงใหม่โดยมีพ่อล่ามเข้ามาก่อตั้งหมู่บ้านในราว พ.ศ.2440 โดยพ่อล่ามเป็น ผู้ปกครองหมู่บ้าน (พ่อล่ามเป็นคำเรียกตำแหน่งของผู้ปกครองชุมชน ซึ่งสามารถพูดภาษาอังกฤษได้) สภาพของหมู่บ้านเวียงหวายเป็นป่า เริ่มแรกมีคนไทใหญ่เข้ามาอยู่ประมาณสิบกว่าครอบครัว และ หลังจากนั้นก็มีเพิ่มเข้ามาเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามหากคนในชุมชนมีปัญหาเล็กๆ น้อย ๆ พ่อล่ามจะมีหน้าที่เป็นผู้ตัดสินคดีความ แต่หากเป็นเรื่องใหญ่พ่อล่ามก็จะต้องแจ้งไปยังกงสุลอังกฤษที่เมืองเชียงใหม่ แต่ส่วนใหญ่ในชุมชนบ้าน เวียงหวายไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์รุนแรงมากนัก สำหรับพื้นที่นี้ในอดีตมักจะมีชาวอังกฤษ ซึ่งคนไทใหญ่ เรียกว่า “กะลาเผือก” และชาวอินเดียซึ่งคนไทใหญ่เรียกว่า “กะลาหลำ” เข้ามาในหมู่บ้านเป็นครั้งคราว คนไทใหญ่จึงได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากชาวต่างชาติมาบ้าง
นอกจากนี้คนเวียงหวายใน อดีตจะมีการค้าขายวัวต่างควายต่างกับคนฝั่งพม่า ซึ่งขณะนั้นเส้นแบ่งเขตแดนของแต่ละประเทศยังไม่ชัดเจน สินค้าที่ทางฝั่งนี้นำไปขาย ได้แก่ ฝิ่น ข้าว งา น้ำอ้อย และนำสินค้าจากอีกฝั่งมา ได้แก่ เสื้อผ้า เนย น้ำตาล ของใช้ที่ทางฝั่งอำเภอฝางไม่มี โดยมีจุดแลกเปลี่ยนสินค้าที่ตลาดหน้า วัดเวียงหวายใน ปัจจุบัน นอกจากนี้ในอดีตภายในหมู่บ้านเวียงหวายจะมีการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ และจะมีการเปิด บ่อนเล่นการพนันอย่างเสรีเป็นครั้งคราว หากคนทางอำเภอฝางหรือเจ้าหน้าที่จะเข้ามาเล่นในหมู่บ้าน ก็ต้องขออนุญาตพ่อล่ามก่อน และจะมีกำหนดเวลาในการอยู่ในชุมชนเวียงหวาย เมื่อครบกำหนดก็ ต้องออกจากหมู่บ้าน ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าพ่อล่ามมิใช่เป็นผู้นำของไทใหญ่เวียงหวายเท่านั้น แต่เป็นที่เคารพยำเกรงของไทใหญ่ทางเวียงแหง เชียงดาว แม่อาย อีกด้วย ซึ่งหากพ่อล่ามมีงานจะขอแรงเรื่อง ใด ๆ ชาวไทใหญ่แต่ละพื้นที่ที่กล่าวก็จะมาร่วมแรงร่วมใจทำให้งานสำเร็จ พ่อล่ามเป็นผู้นำชุมชนที่ สร้างความเจริญในด้านต่าง ๆ เช่น การสร้างวัดเวียงหวาย โดยในการก่อสร้างในยุคนั้นมีคณะที่เป็น ศรัทธาบ้านม่อนปิ่น บ้านเด่นชัย บ้านป่าฮิ้น มาร่วมช่วยด้วย ซึ่งใช้เวลาร่วม 5 เดือนจึงแล้วเสร็จ และ ได้เริ่มก่อสร้างเจดีย์โดยมีเจ้าขุนอ่องและเจ้าขุนหลวง ซึ่งเป็นลูกชายของพ่อล่ามเป็นผู้ดูแลในการ ก่อสร้าง โดยสถานที่ก่อสร้างคือพื้นที่ตลาดเวียงหวายในปัจจุบัน แต่ต่อมาเจดีย์ได้ถูกฟ้าผ่า จึงย้ายฐานเจดีย์ไปสร้างที่วัดดอยพระธาตุเฉลิมพระเกียรติในปัจจุบัน
ล่วงเลยมาในปีพุทธศักราช 2566 คณะศรัทธาบ้านเวียงหวายโดยการนำของ นายธงชัย ส่างสุ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 บ้านเวียงหวายตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และพระสมชาย ปัญญาวโร ท่านเจ้าอาวาสวัดสุนทราวาส เวียงหวาย มีความมุ่งมั่นศรัทธาในการที่จะร่วมกันสร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้นมาใหม่ ภายในบริเวณวัดสุนทราวาส บ้านเวียงหวาย โดยองค์พระธาตุเจดีย์จะเป็นทรงปราสาท ศิลปะแบบไทใหญ่-ล้านนา ภายในองค์พระธาตุเจดีย์ จะสร้างไว้เป็น 3 ชั้น โดยชั้นบนสุด(ชั้นที่ 3)ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปปางต่างๆ อนุมานให้เป็นชั้นพระพุทธ ชั้นที่ 2 ที่เก็บพระธรรม ประกอบด้วยตัวอักษรไทย อักษรล้านนา และอักษรไทใหญ่ อนุมานให้เป็นชั้นแห่งพระธรรม ชั้นล่าง(ชั้นที่ 1) ในช่วงกลางของห้องโถง จะมีเสาตั้งขึ้นไปถึงยันชั้นบนสุด โดยยอดปลายของเสาจะเป็นฐานดอกบัว รองรับบรรจุพระธาตุ ตั้งชื่อเสานี้ว่าแกนรัศมีแห่งธรรม ในชั้นที่1 นี้จะมีฐาน 8 เหลี่ยมล้อมรอบตัวเสาแกนรัศมีแห่งธรรมเอาไว้ สำหรับรองรับรูปหล่อพระอริยะเจ้าเมืองเหนือ 4 พระองค์ ที่จะตั้งเอาไว้ โดยแต่ละองค์จะหันหลังใสแกนเสารัศมีแห่งธรรม และหันออกไปใน ทิศทั้ง 4 อนุมานให้เป็นชั้นแห่งพระสงฆ์ และชั้นใต้ฐานองค์พระธาตุ จะเป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ที่บอกกล่าวเล่าถึงความเป็นชนชาติไทใหญ่ วัฒนธรรม-และประเพณีของชุมชน ที่เกี่ยวข้องต่อชีวิตความเป็นอยู่และการเคารพศรัทธาและยึดมั่นในหลักของความเป็นพุทธศาสนิกชนในบวรพระพุทธศาสนา
จุดเด่นชุมชน:
ชุมชนบ้านเวียงหวายก็ยังคงรักษาวิถีชีวิต และวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ของตนเองอย่างเข้มข้น ซึ่งแสดงให้เห็นอัตลักษณ์ของชาวไทใหญ่ไว้อย่างชัดเจน
ชาวไทใหญ่มีภาษาเป็นของตนเองทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนอยู่ในตระกูลภาษา กลุ่มไท-กระได ซึ่งใช้ในกลุ่มชาติพันธุ์ไทที่กระจายอยู่ในบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมไปถึงตอน ใต้ของประเทศจีน ภาษาพูดของไทใหญ่เรียกว่า “กวามไต” หรือ “กวามไท” ส่วนภาษาเขียน เรียกว่า “ลิ่กไต” ภาษาไทใหญ่มีเสียงวรรณยุกต์5 เสียง ค าพูดบางคำจะปรากฏว่าใช้ร่วมกับภาษาไทยหรือ ภาษาพื้นเมืองค่อนข้างน้อย คำศัพท์ส่วนใหญ่แตกต่างไปจากภาษาไทในกลุ่มชาติพันธุ์ไทอื่น ๆ ใน ล้านนาค่อนข้างมาก นอกจากนั้นยังได้รับอิทธิพลจากพม่ามาด้วยเนื่องจากรัฐฉานอยู่ในเขตแดนของ ประเทศสหภาพเมียนมาร์ คำศัพท์หลายคำจึงเป็นคำศัพท์ของพม่าปนมาด้วย
อย่างไรก็ตามในชุมชนบ้านเวียงหวาย ตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จะมีทั้งประชากรที่เป็นทั้งชาวไทใหญ่ และชาวไทยเหนือปะปนกัน เพราะฉะนั้นจึงมีทั้งการใช้ภาษาไท ใหญ่และภาษาของชาวไทยเหนือหรือภาษาคำเมือง โดยหากเป็นผู้สูงอายุหรือคนเฒ่าคนแก่ที่เป็นชาวไทใหญ่ก็ยังคงมีการใช้ภาษาไทใหญ่หรือภาษาไตในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน แต่หากเมื่อชาวไท ใหญ่ต้องติดต่อกับชาวไทยเหนือหรือชาวไทยภาคอื่น ๆ มักจะใช้ภาษาพื้นเมืองปะปน ส่วนคนที่มีอายุ น้อย เช่น เด็ก วัยรุ่น ก็มักจะใช้ภาษาไทยกลางหรือไทยมาตรฐานกับครู แต่จะใช้ภาษาไทใหญ่แบบ ใหม่ที่มีการผสมผสานภาษาไทยพื้นเมืองทางภาคเหนือเข้าไปกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน
ผู้เรียบเรียงข้อมูล: ปวินนา เพ็ชรล้วน
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
จรรยา พนาวงค์ และอุไรวรรณ แก้วคำมูล. (2546). ประวัติศาสตร์ชุมชนบ้านเวียงหวาย ตำบลม่อนปิ่น อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่. [ม.ป.พ.]:[ม.ป.ท.].

ภาพจาก เพจ คนเมืองฝาง

ภาพจาก Goolgle Maps

ภาพจาก Goolgle Maps

ภาพจาก Goolgle Maps

ความคืบหน้าในการก่อสร้าง
พระธาตุ สุนทรเจดีย์ ศรีเวียงหวาย







งานเทเสาพระธาตุ สูนทรเจดีย์ ศรีเวียงหวาย
วันที่ 3 มีนาคม และวันที่ 5 เมษายน 2567


